วันอังคารที่ 1 เมษายน พ.ศ. 2557

กิจกรรมท้ายหน่วยการเรียนรู้ที่3

โรงเรียนแก้หนี้ แก้จน

ที่ อ.วังน้ำเขียว จ.นครราชสีมา เป็นโรงเรียนนำร่อง และจะมีการขยายเครือข่ายออกไปทั่วประเท



 กลุ่มเป้าหมาย 

        เกษตรกร เพราะเป็นกลุ่มใหญ่ชายขอบ และได้รับผลกระทบจากการพัฒนามากที่สุด ได้รับความช่วยเหลือน้อยที่สุด ในแผนอาชีพ เราจึงเน้นให้ทำเกษตรอินทรีย์ เกษตรกรรมที่ทำให้ยั่งยืน มั่นคง เรียนรู้ทั้งทักษะชีวิตและทักษะอาชีพเกษตรไปพร้อมกัน
       ไม่เช่นนั้น ต่อให้ทำได้ไร่ละ 1 ล้าน ก็อาจไม่เหลืออะไรเหมือนเดิม ชีวิตไม่ได้ดีขึ้น เพราะไม่ได้
ปรับวิธีคิด ไม่ได้จัดระเบียบชีวิต ซึ่งนักเรียนรู้ในโรงเรียนแก้หนี้แก้จนจะต้องไม่เป็นเช่น

แหล่งที่มาของศูนย์


หนี้สินเป็นปัญหาเมื่อไม่สามารถจัดการได้ ดูเหมือนว่าวันนี้ ปัญหาดังกล่าวจะทวีความรุนแรงมากยิ่งขึ้น เพราะเงินในอนาคตถูกนำมาใช้จนหมด รายได้ไม่ทันรายจ่าย เงินใช้หนี้มีไม่พอ เพราะแม้จะกินก็ยังไม่มี จะเอาอะไรไปใช้หนี้
               หนี้เป็นปรากฏการณ์หนึ่งที่สะท้อนความไม่สามารถปรับตัวทันการเปลี่ยนแปลงของผู้คน ระบบโครงสร้างสังคมไม่ได้ช่วย ไม่ได้เอื้อให้คนส่วนใหญ่สามารถปรับตัวได้ ส่วนใหญ่เป็นคนจน คนชายขอบ คนที่เป็นฐานหนุนให้นักการเมืองได้รับเลือก คนที่ถูกซื้อด้วยโครงการประชานิยม
               หนี้สินส่วนหนึ่งมาจากโครงการประชานิยม ที่อำนวยความสะดวก หาเงินให้กู้ เพิ่มกองทุน ออกบัตรสารพัดรูปแบบ อีกด้านหนึ่ง ทุนนิยมก็กระหน่ำซ้ำเติมกระตุ้นการบริโภคแบบไร้ขอบเขต โฆษณาบ้าเลือด สร้างค่านิยมผิดๆ ให้คนอยากมี อยากได้ ไม่สนใจว่าจะกินเกินได้ ใช้เกินมี เป็นหนี้เป็นสินเท่าไร
               นักธุรกิจเป็นหนี้ร้อยล้านพันล้านหมื่นล้าน สถาบันการเงินประนอมหนี้ ให้มีแผนฟื้นฟูหนี้ คนจนเป็นหนี้ไม่กี่หมื่นบาทไม่มีวิธีช่วยเหลือ ปล่อยให้ดอกเบี้ยบานจนจากหมื่นกลายเป็นแสน เป็นหลายแสน ซึ่งสำหรับคนจนส่วนใหญ่เป็นอะไรที่เป็นทุกข์อย่างยิ่ง
               ทุกข์จนกินไม่ได้นอนไม่หลับ สุขภาพทรุดโทรม หลายคนเส้นเลือดในสมองแตก เป็นอัมพฤกษ์อัมพาต เป็นโรคหัวใจ ความดัน เบาหวาน ซ้ำเติมหนักเข้าไปอีก เพราะต้องดิ้นรนปากกัดตีนถีบหาเงินมาใช้หนี้ ต้องวิ่งเต้นตลอดเวลาแบบกลางวันไม่ได้ยืน กลางคืนไม่ได้นอน
               วันนี้มี “โรงเรียนแก้หนี้แก้จน เครือข่ายมหาวิทยาลัยชีวิต ตามแนวคิดเศรษฐกิจพอเพียง” เกิดขึ้นทั่วประเทศ ด้วยความเชื่อจากประสบการณ์ว่า เงินอย่างเดียวแก้ปัญหาหนี้สินไม่ได้ เอาหนี้ใหม่ไปใช้หนี้เก่า เอาจากที่หนึ่งไปใช้อีกที่หนึ่ง เวียนไปเวียนมาไม่รู้จบ กลายเป็นวงจรอุบาทว์ที่หาทางออกไม่ได้
               แต่ถ้าหากมีการเรียนรู้ เกิดความรู้ เกิดปัญญา ก็จะแก้ไขปัญหาหนี้สินได้อย่างยั่งยืน เพราะคนอยู่ในที่มืด ไม่มีแสงสว่างจะมองเห็นทางออกทางไปได้อย่างไร
               ปัญหา คือ คนส่วนใหญ่ไม่มีการเรียนรู้ ไม่รู้จักเรียนรู้ เพราะระบบการศึกษาไม่ได้สอนให้เรียนรู้เป็น สอนแต่ให้ท่องจำ สอนให้เรียนเพื่อเอาไปสอบ ไม่ได้สอนให้คิดเป็น แก้ปัญหาเป็น จึงได้แต่เลียนแบบกันไปเลียนแบบกันมา เห็นใครทำอะไรดีก็ทำตาม คนไปส่งเสริมก็ไม่ได้สนใจอะไรอื่นนอกจากส่งเสริม ชาวบ้านถึงได้ทำกล้วยฉาบกันทั้งตำบล ปลูกพืชเศรษฐกิจแบบทำตามๆ กัน เฮไปก็เฮมา
               การศึกษา คือ การส่งเสริมให้คนพัฒนาความสามารถในการเรียนรู้ เพราะคนจะต้องเรียนรู้ด้วยตนเอง เรียนรู้จากการกระทำ จากการปฏิบัติ เรียนรู้แบบบูรณาการที่ไม่ได้แยกทฤษฎีจากการปฏิบัติ ทำให้รู้จักค้นหาข้อมูล เชื่อมโยงข้อมูลจนเกิดเป็นความรู้ เอาไปสู่การปฏิบัติจนเกิดเป็นหลักในการดำเนินชีวิต ที่เรียกว่า ปรัชญา หรือปัญญานั่นเอง
               การเรียนรู้ที่ดีทำให้คนสร้างความรู้ใหม่ ความรู้มือหนึ่ง ซึ่งเป็นการผสมผสานระหว่างการจัดการประสบการณ์หรือความรู้ที่มีอยู่ในตัวเองกับความรู้ประสบการณ์ของคนอื่น ที่เรียนรู้ได้จากการอ่านหนังสือ จากสื่อต่างๆ หรือจากการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ร่วมกับเพื่อน กับครูอาจารย์ กับชุมชน
               วันนี้สถาบันการเรียนรู้เพื่อปวงชนได้เปิด “โรงเรียนแก้หนี้แก้จนฯ” เพื่อให้คนที่เป็นหนี้และเป็นทุกข์ได้เข้ามาเรียน โดยไม่ต้องการปริญญากระดาษ แต่ให้ได้ปริญญาชีวิต ชีวิตที่มีปัญญา แก้ปัญหาหนี้สินได้ แก้ปัญหาความยากจนได้ อยู่อย่างมีศักดิ์ศรีและมีกิน มีความมั่นคงในชีวิต
               เราเรียกผู้สมัครเข้าโรงเรียนแก้หนี้แก้จนว่า “นักเรียนรู้” และเรียกครู-อาจารย์ว่า “นักจัดการเรียนรู้” เพื่อไปให้พ้นจากหลักสูตร วิชา การเรียนการสอนแบบในโรงเรียน ในสถาบันการศึกษาที่ไม่ได้เอาชีวิตเป็นตัวตั้ง โรงเรียนแก้หนี้แก้จนไม่สนใจว่าผู้มาเรียนจะเรียนจบชั้นไหนมา อ่านไม่ออกเขียนไม่เป็นก็มาเรียนได้ เพราะเราเชื่อว่า “ไม่มีใครรู้ทุกอย่าง และไม่มีใครไม่รู้อะไรเลย มีแต่คนที่รู้บางอย่างและไม่รู้บางอย่าง”
               เรียกว่า “โรงเรียน” ไม่ใช่ลดเกียรติลดศักดิ์ศรีอะไรเลย เพราะในมหาวิทยาลัยทั่วโลก ที่มีชื่อเสียงทั้งหลาย ล้วนแต่เรียกคณะหรือสถาบันในมหาวิทยาลัยของตนเองว่า “โรงเรียน” (school) ในระดับปริญญาโท ปริญญาเอก หรือบ้านเราก็มีโรงเรียนนายร้อยพระจุลจอมเกล้า โรงเรียนแพทย์ และอื่นๆ
               ที่สำคัญ จะมีอะไรยิ่งใหญ่เท่ากับการเรียนแล้วชีวิตดีขึ้น หนี้สินลดลงหรือหมดไป สุขภาพดีขึ้น โรคร้ายแรงลดลงหรือหายไป เลิกกินยาหาหมอและพึ่งตนเองได้ เพราะได้เรียนรู้การฟื้นฟูชีวิตด้วยแผน 4 แผน คือ แผนชีวิต แผนอาชีพ แผนการเงิน แผนสุขภาพ

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น